เรืองศักดิ์ อนุวัตรวิมล
17 million years – 57 years, พ.ศ.๒๕๖๔
สาหร่ายไกในหลอดแก้วบอโรซิลิเกต
เส้นผ่านศูนย์กลาง ยาว ๕๗ ซม.
สาหร่ายไก พืชน้ำจืดที่พบได้ในแม่น้ำโขงแหล่งสารอาหารชั้นดีในฤดูแล้ง และเคยเป็นพืชเศรษฐกิจของชาวบ้านทั้งฝั่งไทยและลาว โดยปกติแล้วไกนั้นขึ้นเองตามธรรมชาติบริเวณหาดหินและเกาะแก่งริมโขง ทั้งนี้ตั้งแต่มีการสร้างเขื่อนตอนล่างของแม่น้ำโขง ประกอบกับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนตอนบนกว่าสิบเอ็ดแห่งในประเทศจีน ระดับน้ำโขงจึงผันผวนเรื่อยมาตั้งแต่ปี ๒๕๖๒ ส่งผลให้ไกที่เกิดในน้ำโขงกลับมีลักษณะไม่สมบูรณ์เป็นกระจุกขนาดสั้น ไม่ยาวเหมือนปีที่ผ่านมา ศิลปินต้องการเสนอวิธีคิดเรื่องการเก็บรักษาไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่ก่อร่างมากว่าหลายล้านปีก่อนแต่กลับถูกทำลายลงอย่างง่ายดายภายในเวลาห้าสิบกว่าปีผ่านการสร้างประติมากรรมที่เป็นดังแคปซูลเวลาเพื่อกักเก็บตัวแทนสิ่งมีชีวิตในแม่น้ำโขงที่กำลังจะสูญหายไป
ไกที่นำมาจัดแสดงนี้ศิลปินเก็บมาจากศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดจังหวัดเลย ผสมด้วยน้ำจากแม่น้ำโขง ศิลปินเลือกบรรจุไกเข้าไปในหลอดแก้วผนังสองชั้นที่ทำจากแก้วทนความร้อนสูงที่ใช้ในการทดลองวิทยาศาสตร์ หลอดแก้วบอโรซิลิเกต เมื่อใช้บรรจุสิ่งใดลงไปแล้วของที่อยู่ด้านในจะอยู่ในอุณหภูมิคงที่ทำให้คงทนและไม่เปลี่ยนแปลง หลอดแก้ววางอยู่บนประติมากรรมไม้แกะสลักรูปพญานาค เทพเจ้าแห่งเมืองบาดาลที่คอยปกปักรักษาความอุดมสมบูรณ์ของลำน้ำโขงตามตำนานความเชื่อของผู้คนหลายกลุ่มในอุษาคเนย์ ไม้แกะสลักรูปหัวพญานาคเป็นของที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ตกแต่งพิณ เครื่องดนตรีท้องถิ่นแถบภูมิภาคอีสาน สาหร่ายไกเป็นหนึ่งในเครื่องบ่งชี้ความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ ทั้งนี้ การเสื่อมสลายของความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ ยังส่งผลต่อชีวิตโดยรอบลำน้ำอันรวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่พึ่งพาอาศัยแม่น้ำที่จะสูญสลายไปพร้อมกันด้วย
17 million years – 57 years (ภาพรายละเอียด)
ลง, พ.ศ.๒๕๖๔
การบันทึกข้อมูลรูปแบบภาพเคลื่อนไหว
๓๙ นาที ๒๕ วินาที
จุดเริ่มต้นของการทำงานชุดนี้ของศิลปินคือการเห็นภาพน้ำโขงเปลี่ยนเป็นสีคราม อันเป็นปรากฏการณ์พิเศษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปรากฏการณ์ ‘น้ำหิว’คือการที่น้ำขาดตะกอน ผลกระทบอันเนื่องมาจากการสร้างเขื่อนที่ต้นน้ำ ทำให้น้ำโขงที่ปกติเป็นสีน้ำตาลขุ่นเต็มไปด้วยแร่ธาตุนั้นกลับกลายเป็นสีคราม ฟ้าใสปนเขียวราวกับน้ำทะเล เรืองศักดิ์สนใจในประเด็นที่ภาพถ่ายด้วยดาวเทียมสามารถสร้างภาพภูมิทัศน์ได้ในแบบหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นเครื่องชี้วัดความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในความเป็นจริง ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เก็บด้วยเครื่องมือทางเทคโนโลยีในเวลาหนึ่ง ได้กลายเป็นข้อมูลเก่าที่ไม่สามารถสะท้อนภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบันได้เลย ผลงานชิ้นนี้บันทึกภาพแห่งความขัดแย้ง ระหว่างการเลื่อนเมาส์ขยับไปเรื่อย ๆ ตลอดเส้นทางแม่น้ำโขงที่ดูเหมือนปกตินั้น กลับถูกสอดแทรกด้วยการฉายภาพของความเปลี่ยนแปลงทางภูมิทัศน์อันวิกฤต ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันไปพร้อมกัน
ลง (ภาพรายละเอียด)
Excavated Gods, พ.ศ.๒๕๖๔
สื่อผสม; กระดาษเยื่อบาง, ซากสิ่งมีชีวิต, ดิน-ทรายแม่น้ำโขง, สีฝุ่นจากจีนและจากภาคอีสาน
ขนาดปรับเปลี่ยนตามพื้นที่
ผลงานศิลปะจัดวางที่ตั้งคำถามต่อการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของระบบนิเวศริมฝั่งโขง โดยนำเสนอผ่านแผนภาพภูมิศาสตร์จำลองไดโอรามาของภูมิทัศน์ตลอดลำน้ำโขง ในระยะทางกว่า ๘๕๘ กิโลเมตร จากบริเวณแก่งคุดคู้ ต้นกำเนิดตำนานตาจึ่งขึ่งดั้งแดง ที่จังหวัดเลย ไปยังสุดเขตพรมแดนแม่น้ำโขงของประเทศไทย ที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ศิลปินลัดเลาะไปยังเส้นทางริมน้ำโขง ขณะหยุดแวะที่อำเภอต่าง ๆ เขาพบว่าความเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำนั้นผันผวนขึ้นลงทุกวันโดยไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ความผันผวนนี้เองที่แสดงให้เห็นว่าระบบนิเวศริมโขงนั้นแปรเปลี่ยนไป เขาตามเก็บซากสิ่งมีชีวิต ทั้งเศษซากปลาสายพันธ์ุต่าง ๆ โครงกระดูกสัตว์ เปลือกหอย ต้นไคร้ พืชไม้น้ำที่เกือบจะสูญพันธ์ุจากการไร้ฤดูของน้ำโขง เขาเก็บซากเหล่านี้มาเพื่อใช้ประกอบเป็นรากฐานของแผนภาพภูมิศาสตร์ชิ้นนี้
ศิลปินเริ่มกระบวนการสร้างสรรค์โดยบันทึกภาพจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ภาพถ่ายจากดาวเทียมที่บ่งบอกชั้นดิน ความตื้นลึกของอาณาบริเวณ และจำลองภาพเหล่านั้นขึ้นด้วยการใช้กระดาษเยื่อบางมาทำเป็นโครงสร้างชั้นดินก่อนเคลือบพื้นผิวด้านบนด้วยดินที่เก็บจากพื้นที่ต่าง ๆ ที่ไปสำรวจ ในส่วนที่เป็นแม่น้ำโขงเขาแต่งแต้มมันด้วยสีครามอันเป็นสีพิเศษที่พบได้ในงานจิตรกรรมแถบภาคอีสาน ผสานกับผงสีฝุ่นที่เป็นแร่ธาตุสกัดจากประเทศจีน ประเทศต้นน้ำที่ปัจจุบันมีเขื่อนกว่าสิบเอ็ดแห่งจนเกิดเป็นปัญหาถึงดินแดนปลายน้ำ ซากสัตว์ที่ศิลปินใช้เป็นรากฐานของไดโอรามานี้ เป็นดังกองทับถมที่ต้องถูกรื้อถอนขึ้นมาเพื่อให้เห็นว่าภายใต้ระบบนิเวศที่สมบูรณ์นั้นประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตอันหลากหลายที่กำลังจะถูกทำให้สูญหายไปด้วยน้ำมือมนุษย์ ในฐานะที่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นพื้นฐานของความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศกล่าวอีกนัยหนึ่ง ผลงานศิลปะจัดวางนี้จึงเป็นดังอนุสาวรีย์ที่อุทิศให้ความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเป็นดังเทพารักษ์ คอยปกปักรักษาความสมดุลและอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำสายนี้ไว้